วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

เรื่องของ ส้ม ส้ม



              ส้มเป็นผลไม้ที่มากคุณประโยชน์ ทุกส่วนของส้มเกือบจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ผล ใบ เปลือก ต้น ตัวอย่างเช่นผล เป็นผลไม้กินสด เอาไว้กินยามว่าง หรือเอาไว้เป็นของไว้ในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้มงคล  เปลือกส้มก็สามารถนำมาเชื่อมทำเป็นแยมรสส้มได้ ไว้กินกับขนมปังแซนวินได้  ส้้มบางชนิดมีสรรพคุณทางยาก็เป็นส่วนหนึ่งของยาแผนโบราณได้เช่นกัน

               ส้ม เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กหลายชนิด เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ สกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีด้วยกันนับร้อยชนิด เติบโตกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมากจะมีน้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และผล และมีกลิ่นฉุน หากนำใบขึ้นส่องกับแสงแดด จะเห็นจุดเล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่งจุดเหล่านั้นก็คือแหล่งน้ำมันนั่นเอง ส้มหลายชนิดรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวหรือหวาน มักจะมีแคลเซียม โปแทสเซียม วิตามินเอ และ วิตามินซี มากเป็นพิเศษ ถ้าผลไม้จำพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคำ ส้ม ออก เช่น ส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด



           ปัจจุบันนี้ มีการใช้เทคนิคในการระบุเอกลักษณ์ด้วยดีเอ็นเอ (DNA) และมีการเสนอว่าอาจจะมีชนิดพื้นฐานของส้มอย่างกว้างๆ 4 ชนิด ด้วยกัน คือ


  • C. halimii - พบทางภาคใต้ของไทย และตะวันตกของมาเลเซีย อาจเป็นชนิดต้นกำเนิดของส้ม Poncirus และ Fortunella
  • C. medica - ส้มโอมือ หรือส้มมือ อาจเป็นต้นกำเนิดของมะนาว หรือเลมอน (lemon)
  • C. reticulata - อาจเป็นต้นกำเนิดของส้มจำพวกส้มเขียวหวานทั้งหลาย
  • C. maxima (หรือ C. grandis) - ส้มโอ น่าจะเป็นต้นกำเนิดของส้มในปัจจุบันบางชนิดเช่นกัน





 ส้ม...กินอย่างไรให้เหมาะ 

          ส้มไม่ได้มีประโยชน์สำหรับผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะส้มยังมีประโยชน์กับเจ้าตัวเล็กของคุณอีกด้วย 

          สำหรับพ่อแม่ที่อยากให้เจ้าตัวเล็กดื่มน้ำส้มคั้น ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าต้องให้หลัง 6 เดือน เพราะเป็นช่วงที่สามารถให้อาหารเสริมกับเจ้าตัวเล็กได้แล้ว ที่สำคัญการให้น้ำส้มกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นวัยใดก็ตามควรผสมน้ำในปริมาณครึ่งต่อครึ่ง เนื่องจากส้มจะมีรสชาติเข้มข้นการให้น้ำส้มลูกโดยไม่ผสมอะไรเลย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบดูดซึมของลูกได้ค่ะ

          พอลูกโตขึ้นจึงค่อยๆ ลดปริมาณน้ำลง จนถึงอายุ 5 ขวบ แล้วค่อยให้น้ำส้มอย่างเดียว เนื่องจากน้ำส้มมีรสหวานมาก การผสมน้ำจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กไม่ติดหวานตั้งแต่ตัวน้อยๆ ค่ะ

          สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตและเบาหวาน ถ้าคิดจะกินส้ม ขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าควรกินด้วยความระมัดระวัง เพราะส้มเป็นผลไม้ที่ให้โปแตสเซียมและน้ำตาลสูง จึงควรกินเป็นผลเพราะจะมีกากใยดีกว่าเป็นน้ำส้มคั้น เพราะน้ำส้มคั้น 1 แก้วต้องใช้ส้มหลายผล

 ส้ม...การเลือกซื้อ 



          การเลือกซื้อส้มที่มีรสหวาน รสชาติอร่อยนั้น ควรเลือกที่มีผิวเรียบเนียน เปลือกบาง เช่นเดียวกับมะนาวที่ผิวเรียบเนียน เปลือกบางก็จะให้น้ำเยอะ ถ้าเป็นส้มเขียวหวานก็จะหวานมาก ยกเว้นมะกรูดค่ะ เพราะธรรมชาติของมะกรูดผิวจะขรุขระไม่เสมอกันอยู่แล้ว

          ทราบคุณประโยชน์ที่แตกต่างของส้มแต่ละชนิด รวมทั้งการเลือกซื้อเพื่อให้ได้ส้มที่คุณภาพดีกันแล้ว ผลไม้ตั้งโต๊ะของครอบครัวมื้อต่อไปต้องไม่พลาดส้มแน่นอนใช่มั้ยคะ 

สรรพคุณของส้ม

  • ดื่มแก้กระหาย เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
  • ส้ม มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมาย จึงช่วยในการชะลอวัย
  • ส้มมีคุณสมบัติในการช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ช่วยลดเลือนหรือชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้
  • ส้ม ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
  • ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีไม่แห้งกร้าน
  • ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก เพราะส้มมีวิตามินซี
  • ช่วยเสริมสร้างกระดูดให้แข็งแรง ด้วยแคลเซียม และวิตามินดีจากส้ม
  • การกินส้มก็ช่วยลดสภาวะความเครียดได้เหมือนกันนะ
  • ส้มช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
  • ช่วยในการขับถ่าย เพราะส้มมีกากใยสูง
  • ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งที่ปาก กล่องเสียง และที่กระเพาะ
  • ช่วยป้องกันการเป็นอัมพาตหากกินผลไม้ตระกูลส้มเป็นประจำ
  • สารฟลาโวนอยด์ในส้ม จะช่วยป้องกันการอักเสบและเลือดจับตัวกันเป็นก้อน
  • ในส้มมีสารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยชะลอความเสื่อมเส้นผม เล็บ และผิวของคุณ และช่วยให้ผนังหลอดเลือดเส้นเลือดฝอยแข็งแรง
  • ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายของเรา
  • ช่วยในการสมานแผลต่าง ๆ เช่น แผลไฟไหม้ หรือแผลหลังผ่าตัดให้หายดียิ่งขึ้น
  • เปลือกส้มจะมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ และเป็นยาระบายอ่อน ๆ
  • เปลือกส้ม มีสารช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยกรองสารพิษในตับได้ด้วย
  • การเสิร์ฟเปลือกส้มคู่กับอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ จะช่วยในการย่อยอาหารที่มีไขมันสูงได้
  • เปลือกส้มมีฤทธิ์ในการช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้
  • เปลือกส้มที่แห้งแล้วเมื่อนำไปจุดไฟจะมีกลิ่นหอมและมีคุณสมบัติในการไล่ยุง
  • ประโยชน์ของส้มจากน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและช่วยกระตุ้นระบบประสาทได้ดี



เมนูส้ม ส้มขอเสนอส้มย่าง


        ส้มย่าง คือ การนำส้มไปอบหรือย่าง นกระทั่งเปลือกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีไหม้ ซึ่งเมื่อกินแล้วจะได้คุณค่าสารอาหารมากกว่าการกินส้มปกติ หลายๆ คนรวมถึงคนญี่ปุ่นเองอาจจะไม่คุ้นเคยกับส้มย่าง แต่ในชุมชนที่เป็นแหล่งปลูกส้มใหญ่ๆ ในจังหวัดดวาคายามะและเอฮิเมะมีการย่างส้มในฤดูหนาวเป็นเรื่องปกติ และในจังหวัดอากิตะในภูมิภาคโทโฮคุเองก็นิยมกินส้มย่างกันอย่างแพร่หลายด้วย


วิธีทำส้มย่าง

วิธีทำส้มย่างก็ง่ายมากๆ เพียงนำส้มทั้งผลเข้าเตาอบแล้วอบประมาณ 8-9 นาที แต่เวลาที่อบอาจจะต่างกันไปตามเตาอบแต่ละเครื่อง ดังนั้นขอให้สังเกตดูเปลือกส้มให้ดี ถ้าเปลือกเป็นสีดำไหม้ก็แปลว่าพร้อมรับประทานได้

สำหรับใครที่ไม่มีเตาอบก็ไม่เป็นไร สามารถใช้วิธีย่างในกระทะแทนได้เช่นกัน โดยใช้หลักการเดียวกันคือย่างจนกว่าเปลือกจะเริ่มเป็นสีดำไหม้ๆ แค่นี้ก็ได้ส้มย่างมาแล้ว


ข้อดีของส้มย่าง
รสชาติหวานขึ้น
ส้มที่ย่างแล้วจะมีรสหวานกว่าส้มธรรมดา เพราะการย่างจะทำให้รสเปรี้ยวในส้มลดลงไปแล้วเพิ่มรสหวานขึ้นมา ถึงส้มจะหวานขึ้นแต่แคลอรี่ไม่เพิ่มตามไปด้วยนะจ๊ะ ใครไดเอทอยู่ก็ร้องเฮได้เลย มีขนมหวานแคลอรี่เบาๆ ให้กินแล้ว นอกจากนี้รสสัมผัสของส้มก็กรุบๆ เคี้ยวแล้วรู้สึกดีสุดๆ 


คุณค่าอาหารสูงขึ้น
นอกจากจะหวานขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าอาหารสูงขึ้นด้วย เพราะว่าเปลือกส้มเป็นที่รวมของวิตามินซีและแคโรทีนอยด์ที่พบในผักผลไม้สีส้มเหลือง ซึ่งเมื่อให้ความร้อนจะทำให้สารอาหารที่เปลือกซึมเข้าไปในเนื้อส้มและทำให้ส้มย่างมีสารอาหารมากกว่าส้มปกตินั่นเอง วิตามินซีที่มีในเนื้อส้มอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีก ดังนั้นจะกินส้มย่างแทนวิตามินซีเม็ดป้องกันหวัดเลยก็ได้นะ

คุณประโยชน์คุณประโยชน์ของส้มย่างยังไม่หมดแค่นี้ เพราะส้มย่างมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวให้เปร่งปลั่งแลดูอ่อนวัย และช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นซึ่งจะป้องกันอาการหนาวสั่นง่ายที่เป็นมากในผู้หญิงจากระบบไหลเวียนเลือดที่ไม่ดี 

ลบรอยแผลด้วยวิธีธรรมชาติ


คุณเคยประสบปัญหารอยดำบนใบหน้าบ้างหรือไม่?






               รอยดำเหล่านั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการมีแผลแล้วตกเสก็ด จากนั้นก็ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราเจ็บใจเล่น ไม่ว่าจะเป็นรอยดำจากแผลอุบัติเหตุ หรือรอยดำที่เกิดจากการเป็นสิว โดยเฉพาะสาวๆที่จะมีสิวที่มาพร้อมประจำเดือนที่มาแต่ละทีก็ย่อมทิ้งรอยให้เรานึกถึง เราจึงต้องหาทางลบรอยเหล่านั้น จึงมีวิธีที่จะกำจัดรอยดำเหล่านั้นด้วยวิธีธรรมชาติซึ่งทั้งราคาถูกและมีอยู่ในครัวบ้านเรา


ว่านหางจระเข้



               เป็นพืชชนิดไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบหนาสีเขียว มีจุดยาวสีเขียวอ่อน อวบน้ำรักษาผิวเป็นจุดด่างดำ ผิวด่างดำนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอายุมาก หรือถูกแสงแดด หรือเป็นความไวของผิวหนังแต่ละบุคคล ใช้วุ้นทาวันละ 2 ครั้ง หลังจากได้ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำสะอาด ต้องมีความอดทนมาก เพราะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ จึงจะหายจากจุดด่างดำ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ควรใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ทา จะทำให้ผิวหนังมีน้ำ มีนวลขึ้น
รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อ ช่วยเรียกเนื้อ ช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ 

มะนาว



               การใช้มะนาวทาแก้สิว และเป็นการรักษาแผลเป็นนั้น หลังจากที่เราบีบน้ำมะนาวจนหมดแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งเปลือกมะนาว แต่ให้ใช้ทูตามหัวสิวอักเสบ รวมทั้งรอยด่างดำ ที่เกิดจากการเป็นสิว บางคนอาจจะใช้สำลีพันปลายไม้ แต้มน้ำมะนาว แล้วทาตามจุดที่เป็นสิว ก็แล้วแต่ความถนัด ที่แนะนำให้ใช้มะนาวถูตามใบหน้าแล้วทิ้งไว้ ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาดนั้น เพราะมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ให้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้เซลล์ผิวหนังไม่ไปสะสมกับไขมันอุดตันรูขุมขน จนเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอักเสบขึ้นมา การใช้มะนาวถูหน้า ทุกวัน นอกจากจะทำให้สิวลดลง จนหมดไปในที่สุด ยังได้ใบหน้าที่ขาวใส ปราศจากรอยด่างดำ มาแทนที่อีกด้วย  จะถือได้ว่า มะนาว รักษาแผลเป็นได้ดีที่สุด ที่ธรรมชาติให้มาโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ กับร่างกายของเราเลย มีแต่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ในทุกๆ ทาง สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบ เริ่มต้นดื่มน้ำมะนาว และใช้มะนาวทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ จะเริ่มสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น 


มะเขือเทศ

                นำเนื้อมะเขือเทศที่บดละเอียดแล้ว มาถูให้ทั่วใบหน้า พยายามถูในบริเวณที่เป็นรอยด่างดำ หรือจุดที่หมองคล้ำ จากนั้นทิ้งเนื้อมะเขือเทศไว้บนใบหน้าประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดหน้าให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน วิธีการใช้มะเขือเทศพอกหน้า ควรทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 1-2 สัปดาห์ ก็จะเห็นได้ว่า ริ้วรอยด่างดำ และจุดหมองคล้ำบนใบหน้าจะดูจางลงไปมาก อีกทั้งผิวหน้าจะชุ่มชื้น ดูขาวอมชมพู และมีเลือดฝาด มากยิ่งขึ้นอีกด้วย


ใบมะลิ


               วิธีการลบรอยแผลเป็นด้วยใบมะลินั้นสามารถทำได้ง่ายและไม่มีอะไรยุ่งยาก โดยการนำเอาใบจากต้นมะลิ ไม่ว่าจะเป็นมะลิลา หรือมะลิซ้อนก็ได้ นำมาตำหรือบดพอละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้น ทาวันละ 2-3 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 2-3 สัปดาห์ แผลเป็นก็จะเริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากการลบรอยแผลเป็นต่างๆแล้ว ในกรณีรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวนั้น ให้นำน้ำที่คั้นจากใบมะลิ มาผสมกับน้ำมะนาวและดินสอพอง จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน ก็จะได้เป็นเนื้อครีมที่เหนียวพอสมควร ให้นำเนื้อครีมมาทาบริเวณรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ทาทิ้งไว้สัก 20-30 นาทีแล้วจึงล้างออก วิธีการนี้จะช่วยสมานผิวและผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี ให้ทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 2-3 สัปดาห์ รอยแผลเป็นจากสิวนั้นจะค่อยๆจางหายไปในที่สุด และนี้คือมะลิ พืชสมุนไพรไทยที่มากด้วยสรรพคุณ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน โดยเฉพาะในส่วนของใบนั้นใช้เป็นสมุนไพรในการรักษาแผลเป็นได้เป็นอย่างดี ทั้งแผลเป็นจากอีสุกอีใสและจากสิว ตลอดจนบาดแผลที่เกิดจากรอยขีดข่วน การบาดจากของมีคม แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ต่างๆนานา และท้ายนี้ยังไงก็ลองนำวิธีการลบรอยแผลเป็นด้วยใบมะลิไปประยุกต์ใช้ดู ปลอดภัยไร้สารเคมีวิธีการทำนั้นก็ง่ายๆ แถมไม่ต้องไปหาซื้อครีมลดรอยสิวหรือครีมลบรอยแผลเป็นราคาแพงๆมาใช้ ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวอีกด้วย

แตงกวา



                   แตงกวาพอกหน้า แล้วยังมีสูตรลดรอยคล้ำรอบดวงตา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆเช่นกัน เพียงนำแตงกวาที่แช่เย็นไว้ มาฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำมาวางลงที่ใต้ตา ทิ้งไว้สัก 20-30 นาที แล้วจึงเอาออก จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง วิธีการนี้จะช่วยให้รอบดวงตาสดชื่น ไร้รอยคล้ำรอบดวงตา อีกทั้งความเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด บริเวณรอบดวงตาให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย


หอมแดง 



                เอามีดฝาน ให้น้ำหอมแดง ให้มีน้ำออกมาแล้วก็โบ๊ะ ละเลงๆๆๆๆ บนจุดสิว หรือรอยดำรอยแดงได้เลย หรือถ้าไม่อยากเอาเพียวๆ กลัวจะแสบเกินไป ก็นำมาโขลกๆ บี้ๆ แล้วผสมน้ำนิดหน่อย แล้วเอามาแต้มทั้งเนื้อได้เลยโปะทิ้งไว้เลยก็ได้ เพียง ครึ่งชั่วโมง รอยแดงรอบๆ สิว ก็จะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะน้ำหอมแดง มีสารสกัดธรรมชาติ ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในสิวได้ ลดการอักเสบของสิวได้


มะละกอสุก



               มะละกอ (Papaya) ขึ้นชื่อในเรื่องคุณประโยชน์สารพัด โดยเฉพาะในเรื่องผิวพรรณที่ว่ากันว่า กินแล้วผิวจะดี เปร่งปรั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยลดรอยดำจากสิว ได้เป็นอย่างดีเนื่องจาก ในมะละกอมี เอนไซม์ปาเปน (enzyme papain) และ ไคโมปาเปน (Chymopapain) ช่วยย่อยโปรตีน ซึ่งสามารถลดการอักเสบต่างๆ ของผิวหนังได้และสามารถใช้กระตุ้นให้เกิดการสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ได้ เพราะฉะนั้น จึงสามารถใช้ ลดรอยดำที่เกิดจากสิว ได้เช่นกัน
วิธีทำ ก็นำมะละกอสุก มาปลอกเปลือกและล้างยางออกให้สะอาด (ต้องสะอาดจริงนะครับ ไม่งั้นยางอาจกัดหน้าได้) จากนั้นก็นำมะละกอมาบดให้ละอียด แล้วจัดการพอกให้ทั่วหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก หลังล้างออก จะรู้สึกว่าหน้าเนียนนุ่มขึ้นทันที ใช้เป็นประจำ ริ้วรอยจากสิวจะลดลงเยอะครับ เป็นของจากธรรมชาติที่ดีจริงๆ


ใบบัวบก


                  ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีว่ากินแล้ว ช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้ดี และยังสามารถใช้ลดรอยดำจากสิว ช่วยลดแผลเป็นจากสิว แผลคีลอยด์ได้ด้วยเนื่องจาก ใบบัวบก มีสารไกลโคไซด์ (Glucosides) ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเราเมื่อคอลลาเจน ถูกสร้างขึ้นผลที่ตามมาก็คือ รอยดำ ก็จะลดลงจางลงไปได้ และยังทำให้ผิวหน้าโดยรวมดีขึ้น อีกต่างหาก    
วิธีใช้ นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หากใครไม่มี ก็เอาไปตำในครกได้ จากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้ มาพอกหน้าได้เลย ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น



                ในน้ำมันมะพร้าว จะมีสารที่โดดเด่นอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า “กรดลอริค” ซึ่งช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำงาน ที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเราชุ่มชื้น อ่อนนุ่มลง ช่วยให้ผิวหน้าที่เป็น รอยดำจากสิวลดลงได้ หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
วิธีใช้ ก็ใช้ทาหลังล้างหน้า เหมือนเป็นครีมบำรุงตัวหนึ่งก่อนนอน โดยไม่ต้องล้างออกนอกจากนี้ น้ำมันมะพร้าว ยังใช้ทาแทนโลชั่นทาผิวได้ด้วยนะ ช่วยทำให้ผิวเราชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี เป็นของจากธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณเยอะมากอีกตัวหนึ่งวิธีรักษาลดรอยดําจากสิว ด้วยวิธีธรรมชาติแบบง่ายๆ สามารถทำได้เองที่บ้านโดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ไม่ต้องเสียเวลามาก แถมยังประหยัดตังค์ในกระเป๋า อีกด้วย ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่า จะเกิดอาการแพ้ เพราะเป็นของที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ รับรองว่า ปลอดภัยแน่นอน








10วิธีบำรุงผมให้เงางาม

         
10วิธีบำรุงผมให้เงางาม




            นอกจากความงามด้านอื่นๆ ของผู้หญิงเราแล้ว สุขภาพของเส้นผมก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเรามีเสน่ห์ในตัวเองเช่นกัน สังเกตได้ว่าผู้หญิงบางคนที่หน้าตาธรรมดา รูปร่างไม่ได้สวยมาก แต่เส้นผมของเธอกลับมีเสน่ห์ ด้วยเพราะเรือนผมที่หนานุ่มยาวเป็นแพสวยน่าสัมผัสแลดูมีสุขภาพดีเช่นนั้นนี่แหละ ที่ทำให้ใครเห็นเป็นต้องสะกดตามองอย่างหลงใหล การดูแลใส่ใจสุขภาพเส้นผมก็คงมีแต่ผู้หญิงเราเท่านั้นที่ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ยิ่งกับสาวผมยาวที่ปรารถนาการไว้ผมยาวสลวยด้วยแล้ว เธอมักจะมีเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพเส้นผมในแบบตัวเองอยู่แล้ว แต่สำหรับสาวๆ บางคนที่รักการไว้ผมยาว แต่ยังไม่ทราบวิธีการดูแลว่าจะดูแลเส้นผมอย่างไรให้สวยสุขภาพดี มีน้ำหนักเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ



1.เล็มปลายผมอยู่เสมอ

           เพราะเส้นผมของคนเราในบริเวณส่วนปลายมักเป็นส่วนที่แห้งหยาบและมีโอกาสชี้ฟูมากที่สุด ทั้งยังเป็นส่วนที่ยากต่อการบำรุงให้สุขภาพดีขึ้นได้ ดังนั้น หากคุณต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้นแล้วล่ะก็แนะนำให้หมั่นเล็มปลายผมอย่างน้อยทุกๆ เดือนหรือทุกสองเดือนก็ยังได้ การตัดส่วนที่แห้งออกไปจะยิ่งกระตุ้นให้รากผมมีสุขภาพดีเพราะสารอาหารที่เราได้รับจากผักผลไม้ต่างๆ จะได้ตรงเข้าไปซ่อมแซมหรือบำรุงรากผมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

2.กระตุ้นรากผมให้ยาวเร็วด้วยไข่ขาว
           หลายคนอาจจะได้ยินสูตรดั้งเดิมที่ว่าหากอยากผมสวยให้ใช้ไข่แดงหมักผม แต่ในขณะเดียวกัน คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าไข่ขาวนั้นก็มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นเร่งรากผมให้ยาวเร็วขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากไข่ขาวมีวิตามินเฉพาะของมันที่มีคุณสมบัติสำคัญในการบำรุงรากผม วิธีการง่ายมาก เพียงตอกไข่ขาวใส่ถ้วยแล้วแยกเอาไข่แดงออก จากนั้นนำไข่ขาวมาหมักผมไว้ให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงสระออกตามปกติ เท่านี้ก็จะช่วยคืนความนุ่มชุ่มชื้น ช่วยให้เส้นผมมีน้ำหนักและกระตุ้นผมให้ยาวเร็วขึ้นได้แล้ว

3.สุขภาพรากผมแข็งแรงด้วยการดื่มน้ำ
           การดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วหรือดื่มให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากจะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณและส่งผลให้สุขภาพของคุณแข็งแรงดีแล้ว การดื่มน้ำอย่างเพียงพอยังสามารถช่วยบำรุงสุขภาพของเส้นผมให้แข็งแรง ยาวเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย เพราะเมื่อรากผมแข็งแรง เส้นผมของคุณก็ย่อมมีสุขภาพดีตามมานั่นเอง




4.แปรงผมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
            ก่อนนอนหรือตอนเช้าที่คุณตื่นนอนขึ้นมา แนะนำให้แปรงผมบ้างเพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดให้ทำงานดีขึ้น ทั้งนี้ ยังส่งผลให้รากผมแข็งแรง ได้รับสารอาหารเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นผมอย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย แต่ไม่ควรแปรงบ่อยมากเกินไป โดยเฉพาะสาวผมแห้งเพราะอาจจะทำให้เกิดการเสียดสีและทำให้สภาพเส้นผมยิ่งแห้งฟูมากขึ้น ดังนั้น แปรงแต่เพียงพอดี พอที่ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะถูกกระตุ้นบ้างก็นับว่าเพียงพอแล้ว

5.หยุดทำลายผมด้วยอุปกรณ์ที่ให้ความร้อนต่างๆ
            เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงเราหลายคนหลังจากอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วก็มักจะหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมทันที แต่หากทำเช่นนี้ทุกวันหรือบ่อยครั้ง สภาพเส้นผมของคุณก็ย่อมได้รับความร้อนจนทำให้ผมของคุณแห้งเสียได้ นอกจากนี้ การทำผมด้วยอุปกรณ์การทำผมต่างๆ เช่น เครื่องหนีบผม เครื่องม้วนลอนไฟฟ้า เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้แน่นอนว่าอาจจะทำให้ผมคุณได้ทรงสวยหลากหลายทรง แต่ขณะเดียวกันมันจะทำลายความชุ่มชื้นของเรือนผม ก่อให้เกิดผมแห้งแตกปลายตามมา แบบนี้แล้ว... ก็เท่ากับเป็นการทำลายสุขภาพเส้นผมและทำให้เส้นผมยาวช้าอีกด้วย

6.ทานอาหารบำรุงรากผมให้แข็งแรง
          อาหารรอบตัวเราที่ได้จากธรรมชาติล้วนมาพร้อมคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายและเส้นผมของเราด้วยกันทั้งนั้น สาวคนไหนที่อยากให้ผมของคุณยาวเร็ว แนะนำให้ทานอาหารประเภทโปรตีนสม่ำเสมอ เช่น ปลาหรือเนื้อสัตว์ต่างๆ นม ไข่ โยเกิร์ต เป็นต้น ทั้งนี้ อาหารทะเลก็ล้วนมีความสำคัญต่อการบำรุงรากผมเช่นกัน โดยเฉพาะปลาทะลต่างๆ เพราะให้แร่ธาตุและสังกะสีซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงและซ่อมแซมสภาพเส้นผมอย่างล้ำลึกโดยตรง


7.นวดศีรษะด้วยน้ำมันร้อนบ้าง
         หาเวลาในยามว่างผ่อนคลายหนังศีรษะและพักผ่อนสมองด้วยการหมักผมหรือนวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันร้อน วิธีนี้จะช่วยให้หนังศีรษะของคุณได้รับการกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ก่อให้เกิดอาการผ่อนคลายและแน่นอนว่ามันจะช่วยกระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ส่งผลให้เส้นผมยาวเร็วขึ้นในแบบธรรมชาติอย่างน่าพอใจทีเดียว

8.นวดกระตุ้นหนังศีรษะเพื่อผมมีน้ำหนักพลิ้วสวย
การนวดหนังศีรษะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้รากผมแข็งแรงเนื่องจากได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น เริ่มนวดด้วยการกดฝ่ามือลงบนท้ายทอยเบาๆ จากนั้นขยับปลายนิ้วเป็นวงกลมแล้วกางมือออกให้กว้าง เลื่อนมือจากแนวเส้นผมด้านหน้าไล่ไปยังกระหม่อมขณะเดียวกันนั้นให้ขยับปลายนิ้วเป็นวงกลมไปพร้อมกัน หมั่นนวดเช่นนี้ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองค่ะว่าสุขภาพเส้นผมของคุณจะแข็งแรง ลดอาการหลุดร่วงและช่วยให้เส้นผมมีประกายเงางามมากยิ่งขึ้น

9. ทรีทเมนต์ผมก่อนนอนด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ

การหมักผมด้วยน้ำมันจะช่วยปรับสภาพเส้นผมที่แห้งเสียให้ชุ่มชื้นขึ้นได้ แนะนำให้หมั่นหมักผมก่อนเข้านอน โดยการใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกชโลมเส้นผมให้ทั่วแล้วสวมด้วยหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำทิ้งไว้ โดยทิ้งไว้เช่นนี้ตลอดข้ามคืน เพื่อป้องกันไม่ให้หมอนเปียกเลอะเทอะ สามารถใช้ผ้าขนหนูวางรองบนหมอนอีกชั้นเพื่อกันการซึมเปื้อนไปพร้อมกัน จากนั้นตอนเช้าจึงสระผมตามปกติ รับรองได้ว่าวิธีนี้จะทำให้สาวๆ รักเส้นผมของคุณเองอย่างมากทีเดียว เนื่องจากเส้นผมจะนิ่มนุ่มสลวย เงางามอย่างเป็นธรรมชาติ ใครอยู่ใกล้เป็นต้องอยากสัมผัสบ่อยๆ เป็นแน่ทีเดียว

10.สูตรหมักผมเพื่อแก้ปัญหาผมแตกปลาย
สาวๆ หลายคนย่อมมีปัญหาผมแตกปลายเกิดขึ้นได้ง่ายดายทั้งนั้น ดังนั้น มาหมักผมด้วยสูตรจากไข่แดงเพื่อแก้ปัญหาผมแตกปลายไปพร้อมกันดีกว่า แต่ก่อนอื่น แนะนำให้คุณเล็มปลายผมที่แตกออกให้หมดก่อน อาจจะประมาณ 1 นิ้วก็ได้จากนั้นจึงทำการหมักผมด้วยสูตรดังนี้


สูตรหมักผมเสีย ให้กลับมาสวยมีน้ำหนัก 



สูตรหมักผมเสีย ด้วยไข่ไก่

เป็นสูตรธรรมชาติ ที่คนสมัยโบราณใช้หมักผมเสียกัน และไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเลย เพียงแต่นำไข่ไก่ มาแยก ไข่แดงและไข่ขาว

จากนั้นตีไข่แดงให้แตก และตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู จึงนำมาผสมให้เข้ากันแล้วค่อยๆ ชโลมไข่บนผมเส้นผม และนวดหนังศีรษะเบาๆ

ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเย็น จะทำให้ผมเสียกลับมาเงางาม และชุ่มชื้นขึ้น


สูตรหมักผมเสีย ด้วยน้ำผึ้ง

สูตรหมักผมเสียด้วยน้ำผึ้ง ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงผสมน้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก และน้ำส้มสายชูหมัก คนส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน

นำมาชโลมให้ทั่วผม ที่คลุมด้วยหมวกคลุมอาบน้ำ หมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง สระผมตามปกติ เป็นสูตรรักษาผมเสีย ที่จะช่วยลดผมแห้งเสียแตกปลาย เปลี่ยนผมแห้งหยาบ ให้กลับมานุ่มสลวยได้ดังเดิม


สูตรหมักผมเสีย ด้วยน้ำมันมะพร้าว

การหมักผมด้วยมะพร้าว เป็นสูตรหมักผมเสีย จากธรรมชาติที่คนนิยม สำหรับน้ำมันมะพร้าว แค่นำไปตั้งไฟอ่อนๆ เทน้ำมันมะพร้าว ผสมไข่แดง 1 ฟอง ตีให้เข้ากัน

นำไปชโลมบนเส้นผม ทิ้งไว้สักชั่วโมง ล้างออกแล้ว สระด้วยแชมพูอีกครั้ง เป็นสูตรหมักผมเสีย ที่จะทำให้ผมมีน้ำหนัก และยังเป็นการดีท็อกซ์ให้กับหนังศีรษะอีกด้วย





สูตรหมักผมเสีย ด้วยเบียร์

สูตรหมักผมเสียด้วยเบียร์ ด้วยการนำมาผสมกับน้ำส้มสายชูหมักคนส่วนผสมให้เข้ากัน ชโลมลงบนผม พร้อมทั้งนวดศีรษะเล็กน้อย

ทิ้งไว้ประมาณห้านาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น การใช้เบียร์ในการหมักผมเสีย จะช่วยคืนความนุ่มสลวยเงางามให้กับเส้นผมอีกครั้ง



สูตรหมักผมเสีย ด้วยอโวคาโด

การหมักผมเสีย ด้วยอโวคาโด ให้ใช้เนื้ออโวคาโดสดผสมกับน้ำมันมะกอก คนให้เข้ากัน นำมาชโลมบนผมหมาดให้ทั่ว ทิ้งไว้ 20 นาที

ล้างออกด้วยน้ำธรรมดา และสระผมตามปกติอีกครั้ง สูตรหมักเสียผมอโวคาโด ที่จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูบำรุงชั้นผมที่แห้งเสีย เปราะบาง ให้กลับมาแข็งแรงเงางามได้



ปากดำทำไงดี?

       

          ปากดำเป็นปัญหาของสาวๆหลายๆคน ทำไมปากดำถึงเป็นปัญหา ก็เพราะ อาจถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนไม่ดีติดเหล้าติดยา ปากดำแล้วความมั่นใจ เสียบุคคลิก บางคนสงสัยว่าปากดำเกิดจากอะไรเรามีคำตอบให้



สาเหตุของริมฝีปากดำและริมฝีปากคล้ำ มีดังนี้

            1. สีผิวของแต่ละบุคคล – เนื่องจากบางคนผิวคล้ำ จึงมีริมฝีปากสีคล้ำตามไปด้วย ซึ่งไม่ผิดปกติอะไร แต่ถ้าผิวขาวและมีริมฝีปากดำคล้ำ แสดงว่าคุณกำลังมีปัญหา
             2. อากาศ – โดยอากาศหนาวนั้นส่งผลให้เส้นเลือดหดตัวและมีเลือดมาค้างมากกว่าปกติ ทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำขึ้น
            3. แสงแดด – แสงแดดแดดมีรังสี UV ที่สามารถทำลายผิว ได้ ทำให้ริมฝีปากดำได้
            4. ลิปสติก – ลิปสติกและเครื่องสำอางค์บางชนิดผสมสารปรอทสารกันบูดและน้ำหอมมากเกินไป มีผลทำให้ริมฝีปากคล้ำเสียได้
           5. การ เลียริมฝีปากบ่อยๆ – เอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารในน้ำลาย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากคล้ำ
           6. ยาสีฟัน – ยาสีฟันรวมทั้งน้ำยาบ้วนปากส่วนมากมีสารฟลูออไรด์ในปริมาณสูง ซึ่งฟลูออไรด์เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของริมฝีปากดำ
            7. ยาบางชนิด – เช่น ยารักษาภูมิแพ้ ยาขับปัสสาวะ ยารักษาเบาหวาน และยารักษาเชื้อรา สามารถเปลี่ยนสีของผิวได้เช่นกัน
           8. อาหารบางอย่าง – อาหารบางอย่างสามารถทำปฏิกิริยากับแสงแดด และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ริมฝีปากมากขึ้น




            ในเมื่อเรารู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เรานั้นเกิดปากดำแล้ว ต่อมาเราไปดูวิธีที่จะแกไข้เอาปากชมพูเอิบอิ่มของเรากลับคืนมา จะทำได้อย่างไรนั้นไปดูกันเลย

วิธีแก้ปากดำและวิธีรักษาริมฝีปากคล้ำ

- ดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพราะน้ำจะทำให้ริมฝีปากชุ่มชื่นขึ้น

- เลือกลิปสติกที่มีสารป้องกันแดด เมื่อต้องเผชิญกับแดดควรทาลิปสติกที่มีสารป้องกันแดด นอกจากนี้ควรใช้ลิบปาล์มในการบำรุงริมฝีปากควบคู่ไปด้วย

- ใช้แปรงสีฟันขัดเบาๆ การนำแปรงสีฟันขัดถูเบาๆบริเวณริมฝีปาก จะช่วยผลัดเซลล์ผิวและเป็นการถนอมริมฝีปากให้นุ่มอีกด้วย

- นวดด้วยน้ำ มะนาว เพียงนำน้ำมะนาวมานวดบริเวณริมฝีปากเบาๆก่อนนอน จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ได้ผิวใหม่ที่มีสีจางลง

- ทาริมฝีปากด้วยน้ำผึ้ง นำน้ำผึ้งมาทาทิ้งไว้บริเวณริมฝีปาก นอกจากจะช่วยลดความดำคล้ำของริมฝีปากแล้ว ยังช่วยให้ปากนุ่มชุ่มชื่นอีกด้วย

- ทาริมฝีปากด้วยน้ำ สตรอเบอรี่ เพียงน้ำสตรอเบอรี่มาทาแทนลิปสติก จะช่วยให้ปากดูอมชมพูสวยสดใส

- ทาริมฝีปากด้วยน้ำมันมะกอก เพียงนำมาทาบริเวณริมฝีปากทิ้งไว้ จะช่วยลดความดำคล้ำของริมฝีปากได้

-นำเอาน้ำแข็งก้อนมานวดบริเวณริมฝีปากก็สามารถช่วยแก้ปัญหาปากดำได้ เนื่องจากน้ำแข็งจะช่วยทำให้ริมฝีปากของเรามีความชุ่มชื้นและสดชื่นมากขึ้น แต่วิธีนี้อาจได้ผลไม่ดีเท่าวิธีอื่นๆนัก แต่ก็สามารถทำได้สะดวกดี

-เลเซอร์ปากชมพู เช่น การยิงเลเซอร์แบบจำกัดเม็ดสี Q-Switched Nd : YAG Laser (Medlite C6), แสงเลเซอร์ทับทิม (Ruby Laser) โดยแสงเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเม็ดสีผิว เวลาทำเลเซอร์แต่ละครั้งมักใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง หลังทำจะรู้สึกร้อน แต่พอป้ายยาที่แพทย์สั่งให้แล้วจะรู้สึกดีขึ้น ส่วนจำนวนครั้งในการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีผิวที่ริมฝีปาก แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะทำประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนการดูแลหลังทำ คุณควรเลี่ยงการใช้ลิปสติกหรือขี้ผึ้งทุกชนิด ให้ใช้เพียงยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้เท่านั้น นอกจากนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่รับประทานอาหารที่มีรสจัด ไม่ใช้ยาสีฟันที่มีรสเข้มหรือรสเผ็ดจัด

-สักปากชมพู สามารถเลือกสีได้ตามใจชอบ หลังเลือกสีแล้วช่างสักก็จะทายาชา พร้อมกับเอา Plastic Wrap มาปิดไว้ เมื่อสักไปแล้ว ช่วงแรกสีจะยังไม่เป็นแบบที่เราต้องการ ให้รอปากปรับสภาพและผลัดเซลล์ก่อน ซึ่งบางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ส่วนราคาการทำก็พอ ๆ กับการทำเลเซอร์


-ทินท์ทาปาก (Tint) การทาปากโดยใช้ทินท์นั้นนอกจากจะทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีราวกับเลือดฝาดตอนแรกสาวแล้ว ยังดูเหมือนไม่ได้เป็นการตั้งใจทาปากมากจนเกินไป 

-ทาลิปสติก เป็นการทำให้รอยดำคล้ำดูจางลงด้วยการทาลิปสติกที่มีส่วนผสมของเอเอชเอหรือจำพวกไวท์เทนนิ่งเป็นประจำ แต่หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกที่มีความมันวาวมาก ๆ เพราะจะเป็นตัวดูดกลืนแสงทำให้ปากดูคล้ำมากขึ้น





วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

เล็บเป็นดอกเกี่ยวอะไรกับสุขภาพ

เล็บเป็นดอกขาวๆ ที่นิ้วมือเกิดจากอะไร





         มีความเชื่อกันว่า เล็บของใครมีดอกขาวปรากฏขึ้นตรงกลางจะเป็นผู้มีโชคเพราะจะได้จับเงินจับทองของมีค่า ถึงจะเป็นความเชื่อที่ทำให้เกิดความสบายใจมีความสุข แต่ก็ควรทำความเข้าใจให้ถูกแท้ 



เล็บเป็นดอกขาวนั้นเกิดจากสาเหตุ คือ 


  • เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเล็กน้อยตรงบริเวณเล็บ เล็บจึงเป็นจุดขาวขึ้น บางครั้งเป็นรอยขาวยาวเลย 



  • อาจจะมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมในโรคบางโรค ทำให้เกิดเล็บเป็นวงขาวหรือเป็นขีดขาวขึ้นมาได้ 



  • เป็นอาการที่พบร่วมกับโรคบางโรค เช่น โรคตับ โรคไต ฯลฯ 



  • เป็นอาการที่พบร่วมกับโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรงสะเก็ดเงิน ฯลฯ 





เล็บเป็นดอกดีหรือไม่?


              ความผิดปกติที่เกิดกับเล็บมีได้หลายลักษณะและเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากเป็นดอกเล็บ ลักษณะที่เรียกว่า leukonychia punctata ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้บ่อยมีสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ตัวเล็บ และสามารถหายไปได้เองเมื่อเล็บค่อยๆ ยาวขึ้นและตัดออกไป ในผู้ป่วยที่มีภาวะอัลบูมินต่ำซึ่งอาจเกิดจากกรณีทีเป็นโรคตับรุนแรงหรือเกิดจากการใช้ยาบางอย่าง อาจมีเล็บเป็นลักษณะที่เรียกว่า Muehrcke’s line โดยเห็นเป็นเส้นสีขาวขนาน ตามแนวขวางขั้นกลางด้วยสีชมพูของเล็บ และไม่เคลี่อนเมื่อเล็บยาวขึ้น 






              ความผิดปกติที่เล็บอาจแสดงความสัมพันธ์กับภาวะขาดสารอาหารได้เช่นกัน เช่น การขาดธาตุเหล็กจะทำให้เล็บมีลักษณะซีด การขาดแคลเซียมอาจทำให้เล็บมีลักษณะจุดขาวๆ ตามแนวขวาง การขาดธาตุสังกะสี อาจทำให้เล็บมีลักษณะเปราะ หรือเกิดร่องตามขวางของเล็บ (Beau’s lines) อย่างไรก็ตามการแสดงความผิดปกติของเล็บไม่ได้เป็นลักษณะจำเพาะที่ใช้ในการวินิจฉัยโรค ในกรณีของผู้ถามหากพบว่าเกิดอาการผิดปกติของร่างกายในส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย แนะนำให้ไปตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดจากแพทย์ และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารที่จำเป็น



             เล็บเกิดจุดขาวขุ่นเล็กๆ หรือที่เรียกว่า “เล็บออกดอก”อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายขาดธาตุเหล็ก แคลเซียม และวิตามินเอ โดยเฉพาะวิตามินเอหากร่างกายไม่ได้รับเป็นเวลานานจะทำให้มองไม่เห็นในเวลา กลางคืน และอาจถึงขั้นตาบอดได้ ดังนั้นควรเสริมวิตามินโดยทานผลิตภัณฑ์จากนม ตับ ไข่แดง ผักสีเขียวและเหลือง ที่สำคัญควรทานอาหารให้ครบห้าหมู่ 

              หากมั่นใจว่าได้รับสารอาหารครบแล้วยังเกิดดอกที่เล็บ อาจเป็นเพราะเล็บโดนกระทบ
****** ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนี้ไม่ต้องรักษา แค่รอให้เล็บยาวแล้วตัดทิ้งไป 


              นอกจากนี้โบราณว่าการเป็นดอกที่เล็บแสดงว่าอาจได้ลาภหรือเสียทรัพย์ โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดอกว่าขึ้นนิ้วไหน เช่น ออกดอกที่นิ้วโป้งถึงนิ้วกลาง หมายความว่าถ้าไม่ได้ลาภก็จะเสียทรัพย์ แต่ถ้าขึ้นที่นิ้วนางถึงนิ้วก้อย จะสื่อความหมายในด้านดี คือได้ลาภหรือมีคนมาชอบ






Nail tell us เล็บบอกอะไรเรา

เล็บของคุณพยายามที่จะบอกอะไรคุณ?

          วันๆหนึ่งคุณเคยสำรวจร่างกายตัวเองบ้างหรือไม่เช่นเล็บมือเรา คุณเคยสงสัยบ้างมั้ยว่าทำไมเล็บมือเราเป็นแบบนี้ เป็นแบบนี้เพราะอะไร และต้องการบอกอะไรเราบ้าง

          การแพทย์จีนได้มีการบันทึกเรื่องเกี่ยวกับเล็บไว้มากมาย จากการรวบรวมและเฝ้าสังเกตศึกษาเป็นเวลายาวนาน ทำให้ทราบว่าเล็บเป็นสิ่งที่แสดงให้ทราบถึงความสมบูรณ์หรือผิดปกติของร่างกายภายในได้


1. ตัวเล็บเป็นร่อง

1.1 ถ้าผิวเล็บบริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นร่องขวาง แสดงว่าผู้ที่มีเล็บดังกล่าวเคยได้รับผลกระทบทางด้านอารมณ์อย่างรุนแรง ก่อให้เกิดอาการขาดสารอาหาร หรือเคยเจ็บป่วยค่อนข้างหนักก่อนหน้านี้






  
1.2 ถ้าตัวเล็บเป็นร่องหลายร่อง มักพบในผู้ป่วยที่เป็นพยาธิหรือการทำงานของลำไส้ไม่ดี ถ้าเป็นที่หัวแม่มือมักเป็นผู้ที่ไม่กระฉับกระเฉง ถ้าเป็นที่นิ้วชี้แสดงว่าเป็นโรคผิวหนัง ถ้าเป็นที่นิ้วกลางมักเป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อไม่มีแรง ถ้าเป็นที่นิ้วนิ้วนาง มักเกิดโรคเกี่ยวกับตา หลอดลมอักเสบ โรงทางเดินหายใจ ถ้าเป็นที่นิ้วก้อยมักเป็นโรคที่เกี่ยวกับคออักเสบ โรคประสาท หรือถุงน้ำดีได้



2. เล็บงุ้มหรืองอน

2.1 ถ้าเล็บงุ้ม มักเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง หรือพิษสุราเรื้อรัง หรือโรคเกี่ยวกับข้อ









2.2 ถ้าเล็บงอน มักเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ อาการห้อเลือดเรื้อรัง อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ หรือขาดธาตุแคลเซียม








3. นิ้วเล็บเปลี่ยนแปลง


3.1 เล็บสั้นและเป็นเหลี่ยม มักเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย ยิ่งถ้ามีเนื้อเล็บรูปครึ่งวงกลมเล็ก ๆ สีขาวบริเวณโคนเล็บ หรือไม่มี อาการของโรคก็จะชัดเจน และรุนแรงมากขึ้น





  


3.2 ถ้าโคนเล็บเล็ก ปลายเล็บใหญ่มีลักษณะคล้ายสามเหลี่ยม มักเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง มีอาการชาและปวดได้ง่าย ถ้าเล็บซีด หรือเหลืองคล้ำ แสดงว่าอาการของโรคกำเริบ









3.3 เล็บสั้น มักเป็นโรคขาดสารอาหาร หรือเป็นผู้ที่มีความไวต่อความรู้สึกต่าง ๆ










 3.4 ตัวเล็บกว้างแต่สั้น แสดงว่าเป็นผู้ที่หัวใจค่อนข้างอ่อนแอ และมักเกิดโรคบริเวณท้องและเอว หรือช่วงล่างของร่างกาย ถ้าปลายเล็บเรียบและลึกเข้าไปในเนื้อมักกิดโรคเกี่ยวกับประสาท โรคปวดข้อ ถ้าเป็นหญิงมักเป็นโรค
เกี่ยวกับมดลูก ถ้าผิวเล็บด้านไม่แวว มักตั้งครรภ์ได้ยาก





3.5 ฐานและปลายเล็บเล็ก ตรงกลางใหญ่คล้ายรักบี้ แสดงว่า หลอดเลือดหัวใจมีปัญหา หรือ เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง






3.6 เล็บเป็นรอยเส้นตามความยาวของเล็บ เนื้อเล็บส่วนกลางบาง มักมีพยาธิปากขอ หรือขาดแคลเซียม









3.7 เล็บตรงกลางนูนขึ้นปลายงุ้มลง ถ้าเป็นทั้งสิบนิ้ว(ในระดับต่าง ๆ กัน) แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น วัณโรคปอด หืด เป็นต้น






 3.8 เล็บรูปจันทร์เสี้ยว แสดงว่าเป็นโรคเกี่ยวกับเนื้องอกได้ง่าย








3.9 เล็บแบนเรียบ(ไม่โค้ง) เหมือนแผ่นกระดานติดอยู่บนนิ้ว มักเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานร่ากายน้อย ร่างกายอ่อนแอขี้โรค











3.10 ฐานเล็บเล็กปลายกว้างคล้ายเปลือกหอย มักเป็นผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ หลอดเลือดสมองแตกหรือเป็นอัมพาตได้ง่าย หรือเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง








3.11 เล็บมีรอยยาวและเนื้อเล็บแตกง่าย มักมีร่างกายอ่อนแอ เป็นโรคผิวหนังได้ง่าย ถ้าปรากฏที่หัวแม่มือ แสดงว่ามักเป็นคนที่กินอาหารจำเจ จนเป็นเหตุให้เกิดโรค







 3.12 เล็บยาว มักเป็นผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ ระบบหายใจไม่แข็งแรง ถ้าเล็บสีคล้ำ ผิวเล็บเป็นรอยเส้น ยาวเห็นได้ชัดเจน อาการโรคเกี่ยวกับระบบหายใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น










 3.13 เล็บยาวแต่แคบ เล็บซีดหรือสีคล้ำ มักเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกโดยเฉพาะกระดูกสันหลัง และมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย








3.14 เล็บเป็นร่อง มักเป็นโรคขาดอาหาร หรือเป็นผู้ที่ตรากตรำทำงานหนัก หรือเป็นผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ ระบบหายใจไม่แข็งแรง

ที่มา:https://www.doctor.or.th