คุณเคยประสบปัญหารอยดำบนใบหน้าบ้างหรือไม่?
รอยดำเหล่านั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการมีแผลแล้วตกเสก็ด จากนั้นก็ทิ้งร่องรอยไว้ให้เราเจ็บใจเล่น ไม่ว่าจะเป็นรอยดำจากแผลอุบัติเหตุ หรือรอยดำที่เกิดจากการเป็นสิว โดยเฉพาะสาวๆที่จะมีสิวที่มาพร้อมประจำเดือนที่มาแต่ละทีก็ย่อมทิ้งรอยให้เรานึกถึง เราจึงต้องหาทางลบรอยเหล่านั้น จึงมีวิธีที่จะกำจัดรอยดำเหล่านั้นด้วยวิธีธรรมชาติซึ่งทั้งราคาถูกและมีอยู่ในครัวบ้านเรา
ว่านหางจระเข้
เป็นพืชชนิดไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและยาว โคนใบใหญ่ ส่วนปลายใบแหลม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบหนาสีเขียว มีจุดยาวสีเขียวอ่อน อวบน้ำรักษาผิวเป็นจุดด่างดำ ผิวด่างดำนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอายุมาก หรือถูกแสงแดด หรือเป็นความไวของผิวหนังแต่ละบุคคล ใช้วุ้นทาวันละ 2 ครั้ง หลังจากได้ทำความสะอาดผิวด้วยน้ำสะอาด ต้องมีความอดทนมาก เพราะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ จึงจะหายจากจุดด่างดำ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ควรใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ทา จะทำให้ผิวหนังมีน้ำ มีนวลขึ้น
รักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อ ช่วยเรียกเนื้อ ช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ
มะนาว
การใช้มะนาวทาแก้สิว และเป็นการรักษาแผลเป็นนั้น หลังจากที่เราบีบน้ำมะนาวจนหมดแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งเปลือกมะนาว แต่ให้ใช้ทูตามหัวสิวอักเสบ รวมทั้งรอยด่างดำ ที่เกิดจากการเป็นสิว บางคนอาจจะใช้สำลีพันปลายไม้ แต้มน้ำมะนาว แล้วทาตามจุดที่เป็นสิว ก็แล้วแต่ความถนัด ที่แนะนำให้ใช้มะนาวถูตามใบหน้าแล้วทิ้งไว้ ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาดนั้น เพราะมะนาวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ให้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้เซลล์ผิวหนังไม่ไปสะสมกับไขมันอุดตันรูขุมขน จนเป็นสาเหตุให้เกิดสิวอักเสบขึ้นมา การใช้มะนาวถูหน้า ทุกวัน นอกจากจะทำให้สิวลดลง จนหมดไปในที่สุด ยังได้ใบหน้าที่ขาวใส ปราศจากรอยด่างดำ มาแทนที่อีกด้วย จะถือได้ว่า มะนาว รักษาแผลเป็นได้ดีที่สุด ที่ธรรมชาติให้มาโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ กับร่างกายของเราเลย มีแต่จะสร้างสรรค์ประโยชน์ในทุกๆ ทาง สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบ เริ่มต้นดื่มน้ำมะนาว และใช้มะนาวทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ จะเริ่มสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
มะเขือเทศ
นำเนื้อมะเขือเทศที่บดละเอียดแล้ว มาถูให้ทั่วใบหน้า พยายามถูในบริเวณที่เป็นรอยด่างดำ หรือจุดที่หมองคล้ำ จากนั้นทิ้งเนื้อมะเขือเทศไว้บนใบหน้าประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดหน้าให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน วิธีการใช้มะเขือเทศพอกหน้า ควรทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 1-2 สัปดาห์ ก็จะเห็นได้ว่า ริ้วรอยด่างดำ และจุดหมองคล้ำบนใบหน้าจะดูจางลงไปมาก อีกทั้งผิวหน้าจะชุ่มชื้น ดูขาวอมชมพู และมีเลือดฝาด มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ใบมะลิ
วิธีการลบรอยแผลเป็นด้วยใบมะลินั้นสามารถทำได้ง่ายและไม่มีอะไรยุ่งยาก โดยการนำเอาใบจากต้นมะลิ ไม่ว่าจะเป็นมะลิลา หรือมะลิซ้อนก็ได้ นำมาตำหรือบดพอละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาทาบริเวณรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้น ทาวันละ 2-3 ครั้ง ทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 2-3 สัปดาห์ แผลเป็นก็จะเริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากการลบรอยแผลเป็นต่างๆแล้ว ในกรณีรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวนั้น ให้นำน้ำที่คั้นจากใบมะลิ มาผสมกับน้ำมะนาวและดินสอพอง จากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน ก็จะได้เป็นเนื้อครีมที่เหนียวพอสมควร ให้นำเนื้อครีมมาทาบริเวณรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ทาทิ้งไว้สัก 20-30 นาทีแล้วจึงล้างออก วิธีการนี้จะช่วยสมานผิวและผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี ให้ทำเป็นประจำทุกวัน เพียง 2-3 สัปดาห์ รอยแผลเป็นจากสิวนั้นจะค่อยๆจางหายไปในที่สุด และนี้คือมะลิ พืชสมุนไพรไทยที่มากด้วยสรรพคุณ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน โดยเฉพาะในส่วนของใบนั้นใช้เป็นสมุนไพรในการรักษาแผลเป็นได้เป็นอย่างดี ทั้งแผลเป็นจากอีสุกอีใสและจากสิว ตลอดจนบาดแผลที่เกิดจากรอยขีดข่วน การบาดจากของมีคม แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ต่างๆนานา และท้ายนี้ยังไงก็ลองนำวิธีการลบรอยแผลเป็นด้วยใบมะลิไปประยุกต์ใช้ดู ปลอดภัยไร้สารเคมีวิธีการทำนั้นก็ง่ายๆ แถมไม่ต้องไปหาซื้อครีมลดรอยสิวหรือครีมลบรอยแผลเป็นราคาแพงๆมาใช้ ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัวอีกด้วย
แตงกวา
แตงกวาพอกหน้า แล้วยังมีสูตรลดรอยคล้ำรอบดวงตา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆเช่นกัน เพียงนำแตงกวาที่แช่เย็นไว้ มาฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำมาวางลงที่ใต้ตา ทิ้งไว้สัก 20-30 นาที แล้วจึงเอาออก จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดหน้าให้แห้ง วิธีการนี้จะช่วยให้รอบดวงตาสดชื่น ไร้รอยคล้ำรอบดวงตา อีกทั้งความเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด บริเวณรอบดวงตาให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
หอมแดง
เอามีดฝาน ให้น้ำหอมแดง ให้มีน้ำออกมาแล้วก็โบ๊ะ ละเลงๆๆๆๆ บนจุดสิว หรือรอยดำรอยแดงได้เลย หรือถ้าไม่อยากเอาเพียวๆ กลัวจะแสบเกินไป ก็นำมาโขลกๆ บี้ๆ แล้วผสมน้ำนิดหน่อย แล้วเอามาแต้มทั้งเนื้อได้เลยโปะทิ้งไว้เลยก็ได้ เพียง ครึ่งชั่วโมง รอยแดงรอบๆ สิว ก็จะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะน้ำหอมแดง มีสารสกัดธรรมชาติ ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในสิวได้ ลดการอักเสบของสิวได้
มะละกอสุก
มะละกอ (Papaya) ขึ้นชื่อในเรื่องคุณประโยชน์สารพัด โดยเฉพาะในเรื่องผิวพรรณที่ว่ากันว่า กินแล้วผิวจะดี เปร่งปรั่ง มีน้ำมีนวล และยังช่วยลดรอยดำจากสิว ได้เป็นอย่างดีเนื่องจาก ในมะละกอมี เอนไซม์ปาเปน (enzyme papain) และ ไคโมปาเปน (Chymopapain) ช่วยย่อยโปรตีน ซึ่งสามารถลดการอักเสบต่างๆ ของผิวหนังได้และสามารถใช้กระตุ้นให้เกิดการสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ได้ เพราะฉะนั้น จึงสามารถใช้ ลดรอยดำที่เกิดจากสิว ได้เช่นกัน
วิธีทำ ก็นำมะละกอสุก มาปลอกเปลือกและล้างยางออกให้สะอาด (ต้องสะอาดจริงนะครับ ไม่งั้นยางอาจกัดหน้าได้) จากนั้นก็นำมะละกอมาบดให้ละอียด แล้วจัดการพอกให้ทั่วหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก หลังล้างออก จะรู้สึกว่าหน้าเนียนนุ่มขึ้นทันที ใช้เป็นประจำ ริ้วรอยจากสิวจะลดลงเยอะครับ เป็นของจากธรรมชาติที่ดีจริงๆ
ใบบัวบก
ใบบัวบก เป็นที่รู้จักกันดีว่ากินแล้ว ช่วยรักษาอาการฟกช้ำได้ดี และยังสามารถใช้ลดรอยดำจากสิว ช่วยลดแผลเป็นจากสิว แผลคีลอยด์ได้ด้วยเนื่องจาก ใบบัวบก มีสารไกลโคไซด์ (Glucosides) ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับผิวหน้าของเราเมื่อคอลลาเจน ถูกสร้างขึ้นผลที่ตามมาก็คือ รอยดำ ก็จะลดลงจางลงไปได้ และยังทำให้ผิวหน้าโดยรวมดีขึ้น อีกต่างหาก
วิธีใช้ นำใบบัวบกไปปั่นกับเครื่องปั่น หากใครไม่มี ก็เอาไปตำในครกได้ จากนั้นก็นำใบบัวบกที่ได้ มาพอกหน้าได้เลย ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ในน้ำมันมะพร้าว จะมีสารที่โดดเด่นอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า “กรดลอริค” ซึ่งช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียได้ดี และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้าไปทำงาน ที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวเราชุ่มชื้น อ่อนนุ่มลง ช่วยให้ผิวหน้าที่เป็น รอยดำจากสิวลดลงได้ หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป
วิธีใช้ ก็ใช้ทาหลังล้างหน้า เหมือนเป็นครีมบำรุงตัวหนึ่งก่อนนอน โดยไม่ต้องล้างออกนอกจากนี้ น้ำมันมะพร้าว ยังใช้ทาแทนโลชั่นทาผิวได้ด้วยนะ ช่วยทำให้ผิวเราชุ่มชื้น และมีสุขภาพดี เป็นของจากธรรมชาติ ที่มีสรรพคุณเยอะมากอีกตัวหนึ่งวิธีรักษาลดรอยดําจากสิว ด้วยวิธีธรรมชาติแบบง่ายๆ สามารถทำได้เองที่บ้านโดยใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ไม่ต้องเสียเวลามาก แถมยังประหยัดตังค์ในกระเป๋า อีกด้วย ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่า จะเกิดอาการแพ้ เพราะเป็นของที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ รับรองว่า ปลอดภัยแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น